top of page

เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของพื้นไม้แต่ละชนิด สำหรับบ้านของคุณ

Updated: Sep 14, 2018

เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของพื้นไม้แต่ละชนิดเพื่อให้บ้านของคุณมีพื้นที่สวยและทน

การจะทำบ้านให้เสร็จสมบูรณ์ได้ในแต่ละหลังนั้น ต้องมีองค์ประกอบมากมายหลายประการด้วยกัน ซึ่งความสวยงามของบ้านนั้นไม่ได้อยู่ที่สไตล์ของบ้าน หรือการตกแต่งภายในที่ลงตัวเพียงอย่างเดียว แต่องค์ประกอบเล็กๆ อย่างพื้นบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้บ้านดูสวยงามขึ้นได้ นอกจากนี้การเลือกวัสดุของพื้นบ้านได้เหมาะสมก็จะช่วยลดภาระในการทำความสะอาด การดูแลรักษาได้อีกด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหาวัสดุในการปูพื้นไม้ห้กับบ้านอยู่ ในบทความนี้เรามีการเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของพื้นไม้แต่ละชนิดมาฝากกัน เพื่อช่วยให้การตัดสินใจของคุณง่ายยิ่งขึ้น

1. พื้นกระเบื้องยางไวนิล

กระเบื้องยางไวนิลนั้นได้รับความนิยมในการนำมาใช้ปูพื้นภายในบ้านและสำนักงานมากทีเดียว ด้วยตัวกระเบื้องยางไวนิลนั้นมีความทนทานต่อการใช้งาน ไม่มีปัญหาในเรื่องของปลวกกิน หรือแม้แต่ราคาค่าใช้จ่ายนั้นก็ไม่สูงมากจนเกินไป ทำให้หลายคนเลือกที่จะใช้กระเบื้องยางไวนิลในการปูพื้นนั่นเอง อย่างไรก็ตามพื้นไวนิลก็ยังมีข้อเสียอยู่เหมือนกัน ซึ่งเราได้แยกข้อดีและข้อเสียเอาไว้ดังนี้

ข้อดี

- ราคาถูก

- ทนน้ำได้ดี

- แข็งแรงทนทาน

- ดูแลรักษาได้ง่าย

- ไม่มีปัญหาปลวกมากวนใจ

ข้อเสีย

- ไม่ให้สัมผัสที่เหมือนพื้นไม้จริง

- มีการหดและขยายได้ง่าย

พื้นไวนิลที่มีร่องเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจเนื่องจากการหด/ขยายตัว จากวัสดุ PVC

เห็นได้ว่าปัญหาหลักของการใช้พื้นไวนิลนั้นก็คือการเปลี่ยนสภาพของวัสดุ เช่นการเกิดร่องที่บริเวณรอยต่อของแต่ละแผ่น หรือย่างกรณีของการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ เมื่อเกิดร่องรอยที่พื้นไวนิลขึ้น ก็ต้องทำการเปลี่ยนใหม่เท่านั้น ที่สำคัญคือหากคุณชอบการเดินให้ได้ผิวสัมผัสถึงความเป็นไม้อยู่ละก็ พื้นไวนิลคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเป็นแน่ พื้นไวนิลจึงเหมาะสำหรับบริเวณที่มีการใส่รองเท้าเดินหรือตามร้านค้า ห้างสรรพสินค้า แต่คงไม่เหมาะนัก ถ้านำมาใช้ในบ้านพักอาศัย


2. พื้นลามิเนต

ในบ้านเรานั้นพื้นลามิเนตนั้นดูเหมือนจะได้รับความนิยมและถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมากทีเดียว เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ชื่นชอบการตกแต่งบ้าน หรืออยากให้ภายในบ้านของตัวเองโดดเด่นด้วยสไตล์ที่เรียบง่ายในแบบมินิมอล ก็จะเลือกใช้พื้นลามิเนตกัน โดยคุณสมบัติที่น่าสนใจของพื้นลามิเนตนั้นก็มีมากมายทีเดียว ลองมาดูข้อดีและข้อเสียของพื้นลามิเนตกัน

ข้อดี

- ให้สัมผัสเหมือนพื้นไม้ได้ในระดับหนึ่ง

- ทนต่อแรงตกหรือแรงกดกระแทก

- สีและลายไม่ซีดจางง่าย

- สามารถติดตั้งได้ง่ายและใช้เวลาไม่นาน

- ราคาไม่สูงเกินไป

ข้อเสีย

- มีโอกาสบวมจากน้ำได้ง่าย

- ไม่ปลอดภัยจากการถูกปลวกกิน

- มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนสภาพหดขยาย

- ต้องให้ความสำคัญในการดูแลรักษาความสะอาด

- เป็นรอยได้ง่าย

พื้นลามิเนตที่เสียรูปเนื่องจากน้ำซึมจากกระจก

สำหรับข้อดีของการใช้พื้นลามิเนตนั้นก็คือ คุณจะได้ผิวสัมผัสของความเป็นพื้นไม้ได้ในระดับหนึ่ง และการใช้เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ที่น้ำหนักมากก็ไม่ทำให้พื้นลามิเนตเกิดความเสียหายได้ง่าย อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงข้อเสียดูแล้ว พื้นลามิเนตนั้นเหมาะสำหรับบ้านที่มีคนดูแลเป็นประจำ เพราะเมื่อเกิดมีน้ำหกที่พื้นลามิเนต ก็ต้องรีบทำความสะอาด เพราะจะเกิดรอยคราบน้ำได้ง่าย แถมยังเสี่ยงต่อการบวมน้ำได้อีกด้วย แน่นอนว่าปัญหาการบวมน้ำของพื้นลามิเนตนั้นจะนำมาซึ่งฝูงปลวกจำนวนมากที่จะเข้ามาทำลายพื้นบ้านของคุณ ฉะนั้นแล้วหากคุณเป็นคนที่ต้องทำงานนอกบ้านหลายชั่วโมงจนแทบไม่มีเวลาดูแลบ้าน การเลือกพื้นลามิเนตดูจะไม่ค่อยเหมาะสมมากนัก




3. พื้นเอ็นจิเนียร์วูด

พื้นเอ็นจิเนียร์วูดนั้นเป็นพื้นที่มีคุณสมบัติของผิวสัมผัสแบบไม้มากที่สุด การเลือกใช้พื้นเอ็นจิเนียร์นั้นจะช่วยให้บ้านของคุณสวยงามได้มากยิ่งขึ้น แถมให้ความรู้สึกหรูหราได้ในแบบที่คุณต้องการ แต่การเลือกใช้พื้นเอ็นจิเนียร์นั้นก็มีข้อเสียอยู่เช่นเดียวกัน ลองมาดูกันว่าข้อเสียที่ว่านั้นจะมีเรื่องอะไรกันบ้าง

ข้อดี

- ผิวสัมผัสเหมือนไม้จริง

- มีความแข็งแรงทนทาน

- ทนต่อการบิดงอได้ดี

- สามารถขัดทำสีใหม่ได้

ข้อเสีย

- ทนต่อความชื้นได้น้อย

- เป็นที่โปรปรานของปลวก

- ต้องดูแลรักษาความสะอาดเป็นพิเศษ

- ราคาสูง

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่มีปัญหาเชื้อราเนื่องจากน้ำเข้าทางหน้าต่าง

อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วว่า พื้นไม้เอ็นจิเนียร์นั้นมีความสวยงามและให้ผิวสัมผัสที่เหมือนไม้จริงๆ ซึ่งนั้นเป็นข้อดีที่เหมาะกับคนที่ชอบให้บ้านสวยงามอย่างที่ต้องการ แต่เมื่อพิจารณาถึงข้อเสียแล้ว การใช้พื้นเอ็นจิเนียร์ในบ้านทั้งหลังนั้นจะมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากทีเดียว และถ้าหากไม่ได้รับการดูแลใส่ใจเรื่องของความสะอาดด้วยแล้ว ก็จะทำให้เกิดรอยและคราบฝังลึกได้ง่าย นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราจากความชื้น และกรณีของการเกิดปลวกกินได้ง่ายอีกด้วย


พื้นไม้ญี่ปุ่น ทำจากวัสดุ Polypropylene (PP)

4. พื้นไม้ญี่ปุ่น ทำจากวัสดุ Polypropylene (PP)

พื้นไม้เทียม PP หรือ พื้นไม้ญี่ปุ่นนั้นเป็นพื้นไม้กันน้ำ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ไม่ต้องกังวลในเรื่องของความชื้น หรืออย่างกรณีที่ทำน้ำหกก็สามารถเช็ดได้ตามปกติโดยไม่ต้องกลัวว่าพื้นจะมีการบวมน้ำ ซึ่งสามารถแช่อยู่ในน้ำได้เป็นเวลานาน โดยไม่เป็นคราบเชื้อราแต่อย่างใด โดยข้อดีและข้อเสียของพื้นไม้ญี่ปุ่นมีดังนี้

ข้อดี

- ให้สัมผัสแบบผิวไม้

- ทนทานต่อน้ำและความชื้น

- ไม่มีปัญหาเรื่องปลวก

- ดูแลรักษาได้ง่าย

- ราคาไม่สูง

ข้อเสีย

- ให้สัมผัสแบบผิวไม้ที่น้อยกว่าพื้นเอ็นจิเนียร์

- ความคงทนน้อยกว่าพื้นไวนิล


พื้นไม้ญี่ปุ่นหน้างานจริงในประเทศไทย

สำหรับการเลือกใช้พื้นไม้กันน้ำนั้นหากบ้านของใครที่ต้องการตกแต่งในแบบสไตล์มูจิ หรือมีกลิ่นไอของความเป็นบ้านแบบญี่ปุ่นการใช้พื้นไม้กันน้ำก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ในเรื่องของค่าใช้จ่ายก็ยังไม่สูงอีกด้วย หมดปัญหาทั้งความชื้นและปัญหาของปลวก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในเรื่องของผิวสัมผัสก็ยังเป็นรองพื้นเอ็นจิเนียร์อยู่เท่านั้นเอง


เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่าพื้นแต่ละประเภทก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันซึ่งในการเลือกซื้อก็ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมเสียก่อนว่าต้องการแต่งบ้านในสไตล์แบบใดและมีงบประมาณมากน้อยหรือไม่ ที่สำคัญต้องไม่ลืมที่จะเลือกใช้พื้นที่มีความทนทาน ดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่าย ซึ่งถ้าใครสนใจในเรื่องพื้นไม้กันน้ำ แบบญี่ปุ่นก็สามารถเข้าชมรูปแบบต่างๆ ได้ที่ www.minimahouse.com โดยพื้นไม้กันน้ำของที่นี่ผลิตในประเทศญี่ปุ่น 100% แถมยังมีรับประกันให้อีก 10 ปีเลยทีเดียว ใครที่อยากแต่งบ้านให้ได้สไตล์มูจิๆ ก็เข้าไปดูกันได้เลย

Comments


bottom of page